top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนPsychologist Chair

เธอดูเหมือนคนที่เรียนรู้เรื่องความรักมาไม่ดีนัก

(หมายเหตุ: เค้าโครงนี้แต่งขึ้นจากประสบการณ์ของผมกับผู้รับบริการจำนวนหนึ่งและคนรอบๆ ตัว)

.


เธอบอกเล่าถึงชีวิตที่ต้องเสียสละตัวเองเพื่อคนใกล้ชิด


มันเป็นความเสียสละที่ผมรู้สึกว่าเธอต้องทุกข์ทรมานเกินจำเป็น


นั่นเพราะคนอื่นๆ ที่อยู่ในบริบทเดียวกันกับเธอเลือกได้ว่าตัวเองจะไม่ขอแบกรับ


เธอให้เหตุผลว่าถ้าหากเธอไม่ทำแล้วใครจะทำ


ก่อนจบประโยคลงด้วยการบอกว่า 'นั่นคือความรักไงคะ'

.

.

"ทำไมคุณเรียนรู้เรื่องความรักมาแย่จัง"


ผมบอกออกไปก่อนจะพูดถึงเรื่องความรักที่ควรจะเป็นทั้งการให้และการรับ (give & take)


ผมย้อนคำเธอกลับเพื่อบอกว่าเธอให้จนหมดตัวแล้ว แล้วจะมีอะไรที่เธอจะให้ได้อีก


เมื่อเทียบกับคนที่อยู่ในบริบทเดียวกับเธอ พวกเขาต่างได้รับมามากกว่า


เธอบอกว่าเธอไม่อยากคิดแบบนั้น เพราะมันทำให้รู้สึกเหมือนเธอเป็นคนถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว

.

.

เธอคิดว่าพวกเขาต้องเสียดายหากเธอเลือกจะไม่อยู่ตรงนั้นต่อไป

.

.

ผมไม่เห็นด้วยกับคำที่บอกว่า 'รักคือการให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน'


ผมคิดว่าคนเราไม่ได้เข้าใจเรื่องความรักกันดีขนาดนั้น แต่เราเข้าใจเรื่องความคาดหวังเป็นอย่างดี


เมื่อมีการให้บางสิ่งก็คงต้องคาดหวังบางอย่างกลับมา


อย่างน้อยๆ ก็เป็นความสัมพันธ์อันดีกับคนเหล่านั้นในจินตนาการ


หรือไม่


ก็เป็นการเติมเต็มตัวตน (self) จนรู้สึกถึงคุณค่าภายใน

.

.

เราเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า 'รักเป็นการให้' เพราะเรารู้สึกดีกับมัน


แต่เมื่อ 'การให้' กลับทำให้เรารู้สึกแย่ มันก็ทำให้เราต้องค้างคากับความสงสัยเรื่องความรักอีกครั้ง


'การให้' ยังคงเป็นเรื่องดี


แต่แปลกที่เรากลับบอกปัด 'การได้รับ' ให้เป็นเพียงความคาดหวังที่ไม่สมควร


เราให้เพราะเราคิดว่าคนอื่นควรได้รับ


แต่เรากลับไม่สนใจว่าตัวเราควรได้รับอะไร


ถ้าอยากได้รับความรักก็คงต้องทำตัวให้ 'น่ารัก' หรือ 'สมควรได้รับ' ความรัก


แต่ถ้าความพยายามในแบบของเราไม่เคยถูกเห็นว่าสมควร


เมื่อนั้นเราน่าจะต้องลองคิดว่าควรพอ

.


เจษฎา กลิ่นพูล

K. Therapeutist นักจิตวิทยาการปรึกษา




ดู 18 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page