(หมายเหตุ: เค้าโครงนี้แต่งขึ้นจากประสบการณ์ของผมกับผู้รับบริการจำนวนหนึ่งและคนรอบๆ ตัว)
.
เธอบอกเล่าถึงชีวิตที่ต้องเสียสละตัวเองเพื่อคนใกล้ชิด
มันเป็นความเสียสละที่ผมรู้สึกว่าเธอต้องทุกข์ทรมานเกินจำเป็น
นั่นเพราะคนอื่นๆ ที่อยู่ในบริบทเดียวกันกับเธอเลือกได้ว่าตัวเองจะไม่ขอแบกรับ
เธอให้เหตุผลว่าถ้าหากเธอไม่ทำแล้วใครจะทำ
ก่อนจบประโยคลงด้วยการบอกว่า 'นั่นคือความรักไงคะ'
.
.
"ทำไมคุณเรียนรู้เรื่องความรักมาแย่จัง"
ผมบอกออกไปก่อนจะพูดถึงเรื่องความรักที่ควรจะเป็นทั้งการให้และการรับ (give & take)
ผมย้อนคำเธอกลับเพื่อบอกว่าเธอให้จนหมดตัวแล้ว แล้วจะมีอะไรที่เธอจะให้ได้อีก
เมื่อเทียบกับคนที่อยู่ในบริบทเดียวกับเธอ พวกเขาต่างได้รับมามากกว่า
เธอบอกว่าเธอไม่อยากคิดแบบนั้น เพราะมันทำให้รู้สึกเหมือนเธอเป็นคนถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว
.
.
เธอคิดว่าพวกเขาต้องเสียดายหากเธอเลือกจะไม่อยู่ตรงนั้นต่อไป
.
.
ผมไม่เห็นด้วยกับคำที่บอกว่า 'รักคือการให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน'
ผมคิดว่าคนเราไม่ได้เข้าใจเรื่องความรักกันดีขนาดนั้น แต่เราเข้าใจเรื่องความคาดหวังเป็นอย่างดี
เมื่อมีการให้บางสิ่งก็คงต้องคาดหวังบางอย่างกลับมา
อย่างน้อยๆ ก็เป็นความสัมพันธ์อันดีกับคนเหล่านั้นในจินตนาการ
หรือไม่
ก็เป็นการเติมเต็มตัวตน (self) จนรู้สึกถึงคุณค่าภายใน
.
.
เราเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า 'รักเป็นการให้' เพราะเรารู้สึกดีกับมัน
แต่เมื่อ 'การให้' กลับทำให้เรารู้สึกแย่ มันก็ทำให้เราต้องค้างคากับความสงสัยเรื่องความรักอีกครั้ง
'การให้' ยังคงเป็นเรื่องดี
แต่แปลกที่เรากลับบอกปัด 'การได้รับ' ให้เป็นเพียงความคาดหวังที่ไม่สมควร
เราให้เพราะเราคิดว่าคนอื่นควรได้รับ
แต่เรากลับไม่สนใจว่าตัวเราควรได้รับอะไร
ถ้าอยากได้รับความรักก็คงต้องทำตัวให้ 'น่ารัก' หรือ 'สมควรได้รับ' ความรัก
แต่ถ้าความพยายามในแบบของเราไม่เคยถูกเห็นว่าสมควร
เมื่อนั้นเราน่าจะต้องลองคิดว่าควรพอ
.
เจษฎา กลิ่นพูล
K. Therapeutist นักจิตวิทยาการปรึกษา
Comments