.
ผมเริ่มเขียนรีวิวหนังสือเล่มนี้หลังได้อ่านจบเป็นครั้งที่ 3 และได้รู้ว่ากำลังจะมีการตีพิมพ์ครั้งที่สอง
(สั่งซื้อ pre-order ได้ที่ แนท ฐิตาภา คลินิกสุขภาพจิต ในวันที่ 1 มิ.ย.67)
หนังสือเล่มนี้ในสายตาผม เป็นหนังงสือที่บอกเล่าเรื่องราวของการทำจิตบำบัดที่ลึกซึ้งด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย
การอธิบายด้วยตัวอย่างของผู้เขียนทำให้คนอ่านอย่างเราจินตนาการภาพตามได้ไม่ยาก และสอดคล้องไปกับแง่มุมทฤษฎีที่พอจะรู้ได้หากคุณเองก็ทำงานในสายนี้
สิ่งที่สรุปแง่มุมของการทำจิตบำบัดอย่างแท้จริงคงเป็นประโยคในหนังสือที่บอกไว้ว่า การรักษาโรคทางอารมณ์จะเป็นเรื่องง่ายถ้าเราสามารถเข้าใจต้นตอของมันได้ โดยหลายครั้งหลายคนก็มักตั้งข้อสงสัยว่าอะไรทำให้คนคนหนึ่งเป็นโรคซึมเศร้าขึ้นมา ซึ่งหนึ่งในปัจจัยที่หนังสือเล่มนี้บอกในแง่มุมของจิตบำบัดก็คือพัฒนาการบุคลิกภาพของคนคนนั้น
... และหนังสือเล่มนี้ ก็จะบอกเล่ามันผ่านการทำความเข้าใจชีวิตของคนคนหนึ่งที่ผู้อ่านน่าจะพอสะท้อนเห็นตัวเองในบางแง่มุมได้บ้าง ไม่มากก็น้อย
.
ผมอ่านหนังสือเล่มนี้ครั้งแรกในสายตาของคนที่ทำงานในสายนี้เช่นเดียวกัน สิ่งที่ผมโฟกัสจึงเป็นเรื่องของกระบวนการทำจิตบำบัดที่ดำเนินไปเรื่อยๆ
ครั้งที่สอง ผมอ่านด้วยสายตาของการเก็บตกบางเทคนิคและแนวคิดที่อาจตกหล่นไปจากตอนแรก
ครั้งที่สาม ผมอ่านด้วยสายตาของทั้งนักจิตบำบัดและแทนตัวเองในฐานะคนไข้
... โดยเมื่อมาถึงในครั้งที่สามนี้เอง ประโยคที่บอกว่าการรักษาคงทำได้ง่ายหากเราสามารถทำความเข้าใจต้นตอของมันได้ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป เพราะการอ่านมาถึงครั้งที่ 3 แล้วยังทำให้ผมมองเห็นแง่มุมที่ต่างออกไปจาก 2 รอบแรกได้ ก็สะท้อนได้ว่ากระบวนการของจิตบำบัดมีความลึกซึ้งมากแค่ไหน
ผมได้เพียงแต่นึกสงสัยว่าจะต้องมีความละเอียดและใส่ใจมากแค่ไหนกันจึงจะสามารถถ่ายทอดเรื่องราวเช่นนี้ออกมาได้ และนึกสงสัยว่าในการอ่านครั้งถัดๆ ไปผมจะได้มองเห็นอะไรอีกบ้าง
.
สำหรับคนที่ไม่ใช่ทั้งนักจิตวิทยาหรือนักจิตบำบัด ผมเองก็คาดว่าคุณก็จะได้ประโยชน์จากนหังสือเล่มนี้เช่นกัน
เพราะเนื้อหาในหนังสือที่บอกเล่าผ่านการทำจิตบำบัดเคสคนคนหนึ่ง ก็คงพอจะทำให้คุณสัมผัสถึงความรู้สึกเข้าอกเข้าใจตัวเคสผ่านการสะท้อนมาเห็นตัวเองได้อยู่บ้าง
และไม่แน่ว่า คุณเองก็อาจรู้สึกเข้าใจตัวเองได้มากขึ้น จนนำไปสู่ความรู้สึกได้รับการเยียวยาไปพร้อมกันกับหนังสือเล่มนี้
.
เก้าอี้ตัว J
เจษฎา กลิ่นพูล
Comments