นักจิตวิทยาการปรึกษาฝึกงาน บางครั้งก็เกิดความทุกข์ร้อนขึ้นในใจระหว่างสัปดาห์ด้วยความเป็นห่วง Client (ผู้รับบริการ) ที่อาจจะแย่ลงหรือดีขึ้นก็ได้ เราอยู่กับความไม่รู้ที่ยังไม่คุ้นชินกับมันนัก . ความเป็นห่วงที่เกิดอาจกระทบกับงาน หรือชีวิตส่วนตัว โดยเฉพาะถ้าเราจะต้องครุ่นคิดกับชีวิตของ Client ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา . ผมครุ่นคิดว่าเหตุใดผมถึงต้องเป็นห่วง Client และคิดหาทางช่วยขนาดนั้น? ผมสงสัยว่าเหตุใดผมถึงต้องเป็นห่วงจนเกิดเหตุขนาดนั้น และเริ่มคิดถึงความรู้สึก "เป็นห่วงจนเป็นพิษ" . ความคิดแรกที่ผุดขึ้นในหัวผม คือ "เพราะเราไม่รู้ว่าคนที่เราเปิดประตูห้องบำบัดให้จะกลับมาหรือเปล่า" และนั่นทำให้ผมเริ่มมองเห็นสิ่งที่ตนเองมองข้ามไป นั่นคือความเป็นห่วงที่ร้อนรนนี้เกิดจากความเห็นแก่ตัวของผมเอง เพราะมันคือ need ของผมที่อยากให้เขาได้ประโยชน์จากการบำบัด เพราะมันคือ need ของผมที่อยากให้เขาได้ประโยชน์จาก "งานของผม" . ชีวิตของ Client อาจจะไม่ได้ทุกข์ทรมานอย่างที่ผมจินตนาการ และเป็นห่วงจนเกินเหตุ และนั่นทำให้ผมเห็นขึ้นมาว่า ผมกำลังทำตัวเหมือนแม่ที่เป็นห่วงลูกเกินเหตุ และกำลังใช้ความเป็นห่วงของตัวเองก้าวก่ายชีวิตของลูก
. การค้นพบนี้ ทำให้มองเห็นข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น เพราะ Client ของผมเป็นผู้ใหญ่ที่มีความคิดของตัวเอง ไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว และเขาควรมาทำงานกับผมเพื่อได้เติบโต ไม่ใช่ถูกความต้องการของผมกลืนกินให้เขาย้อนกลับมาหาเรื่ิอยๆด้วยความรู้สึกผิด . ในบริบทนี้ จิตใต้สำนึกของผมกำลังกลายเป็นแม่ที่ไม่รู้ว่าตนเองกำลัง interrupt (ขัดจังหวะ) การเติบโตของลูก เพราะการเติบโตของมนุษย์คนหนึ่ง มาจากการค้นพบสิ่งที่ตนต้องการ มิใช่สิ่งที่ผมมอบหมายให้เขาทำ . หลายๆครั้งเรา (นักจิตวิทยาการปรึกษา) มักกังวลถึง emotional attachment หรือ ความผูกพันธ์ทางอารมณ์ ที่ Client มีต่อเรา และลืมนึกถึงว่าเราก็เป็นมนุษย์ที่มีสิ่งนี้ได้เช่นกัน และความผูกพันที่เราไม่เห็นว่ามี ก็อาจนำมาซึ่งการใช้ความต้องการของเรามาชี้นำอีกฝ่ายได้โดยไม่รู้ตัว .
ขณะที่ผมกำลังมองเห็น need (ความต้องการ) นี้ของตนเอง ผมเห็นว่ามันเป็น need ของแม่ผู้หลงตัวเอง (narcisstic mother)
. ความเป็นห่วงที่สร้างความทุกข์ร้อนให้ตัวเอง สุดท้ายก็จะสร้างความทุกข์ให้กับคนที่้เราห่วงอีกที . คุณเคยไหม เวลาที่ใครเป็นห่วงคุณมากๆ และเอาแต่ทักหาคุณ พยายามจะคุยกับคุณตลอดเวลาจนคุณรู้สึกไม่มีพื้นที่ส่วนตัว เพราะน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานของเขาเอง จนคุณสงสัยว่าเขากำลังเป็นห่วงคุณจริงหรือเปล่า หรือเขาแค่อยากให้คุณสนใจเขามากกว่านี้ กลับกลายเป็นว่าปัญหาของคุณไม่ได้ถูกฟัง และคุณรู้สึกอึดอัดเพิ่มขึ้นมาอีกที่ตนเองทำให้ผู้อื่นห่วง . ความเป็นห่วงที่ไม่ถูกรับรู้ให้แน่ชัด บางครั้งกลับสร้างโทษมากกว่าคุณประโยชน์ . ผมเริ่มไม่แน่ใจว่าผมเป็นแม่ที่ให้นมอย่างระมัดระวัง และเขย่าให้ลูกเรอเมื่อเขาอิ่ม หรือเป็นแม่ที่ให้กินตามที่ตัวเองอยากและเขย่าลูกจนร้องไห้ เพราะผมมองว่ามนุษย์เราก็มีความเป็นแม่ทั้ง 2 แบบอยู่ในตัว อยู่ที่ว่าผมจะรู้ตัวเองทันหรือเปล่าว่าความต้องการของผมกำลังเข้ามาบดบังความต้องการที่ผู้อื่นสื่อออกมา . ถ้านึกภาพไม่ออก ลองนึกถึงเหตุการณ์ที่คุณเจอตามงานรวมญาติก็ได้ อาจมีญาติบางคนให้ของขวัญกับคุณ แต่เป็นของที่คุณไม่อยากได้ และญาติคนนั้นก็ไม่หยุดพูดถึงข้อดีของมัน หรือพูดถึงความหวังดีของตัวเองสักที จนคุณรับของชิ้นนั้นมาด้วยความอึดอัด . คุณไม่อยากเป็นเจ้าของมันเลย แต่อารมณ์และความต้องการของเขาบังคับคุณต่างหาก . ผมเริ่มเห็นว่าก่อนจะเข้าใจผู้อื่น ผมควรเข้าใจตัวเองในฐานะมนุษย์ที่เท่ากับเขา มากกว่าจะลากความรู้มาเข้าข้างตัวเอง หรือพึ่งพาทฤษฎีเพื่อหนีความรู้สึกที่ตอกย้ำว่า "ฉันอาจจะห่วยก็ได้" และการมองเห็นและพูดถึงความเห็นแก่ตัวของตนเอง ก็อาจทำให้ผมก้าวสู่ความเป็นมนุษย์มากขึ้น เหมือนกับสิ่งที่ Client ของเรามาประสบร่วมกับเราทุกสัปดาห์นั่นแหละ . เก้าอี้ตัว KK กวิน ก้อนทอง . Reference
Winnicott, D. W. (2008). Holding and interpretation: fragment of an analysis. London: American Psychoanalytic Association. Winnicott, D. W. (1969). The use of an object. The International Journal of Psychoanalysis, 50(4), 711-716.
תגובות