ในช่วงที่คุณกำลังประสบกับความเครียด ความกังวล
กำลังมีปัญหา และอึดอัดไปกับมัน ต้องการระบาย
แต่ยังมีความคิดที่ว่า
.
“ฉันไม่อยากเอาปัญหาของฉัน ไปเป็นภาระให้คนอื่น”
“ถ้าเล่าปัญหาของเราไป จะทำให้เขาเครียดรึเปล่า”
“ไม่กล้าที่จะเล่า เพราะกลัวเขาเอาไปคิดมาก”
“ไม่อยากให้เขามาเครียดเรื่องของเรา”
“ไม่อยากเป็นภาระให้คนอื่น”
.
หรือแนวความคิดที่ว่า
คุณกังวลว่า ถ้าเราพูดถึงความทุกข์ของตนเอง
จะทำให้อีกฝ่ายต้องมาแบกรับเรื่องราวของคุณด้วย
ถ้าหากคุณมีความคิด และพฤติกรรมแนวนี้
คุณอาจจะกำลังประสบกับสภาวะ
“Emotional Sharing Burden”
.
Emotional Sharing Burden
คือสภาวะที่ เมื่อบุคคลมีความทุกข์ที่อัดอั้น
หรือกำลังประสบกับสภาวะเครียด และกดดัน
แต่กลับมีความคิดที่ไม่อยากพูดถึงมัน
ไม่อยากระบาย รวมถึงมีพฤติกรรมที่ปลีกตัว
หรืออดทนต่อเรื่องราวเหล่านั้น เพื่อที่จะหลีกเลี่ยง
หรือเลือกที่จะไม่เล่าเรื่องราวปัญหาของตนเองที่กำลังเผชิญอยู่
เพราะมีความเชื่อว่า ไม่ต้องการจะเป็นภาระกับคนอื่น
หรือทำให้อีกฝ่ายต้องมาเครียด และกังวลเรื่องของตนเองไปด้วย
.
.
หรืออาจกล่าวได้ว่า
กังวลว่าเรื่องราวปัญหาของตนเอง
จะทำให้คนอื่นต้องมากังวล และเครียดไปด้วย
รวมไปถึง มีความคิดว่าคนอื่นก็มีปัญหาของเขาอยู่แล้ว
ตนเองไม่ต้องการที่จะนำปัญหาของตัวเอง
ไปเพิ่ม หรือสร้างเรื่องที่ต้องให้คนอื่นเครียดอีก
.
นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงอีกว่า
ไม่เพียงแต่บุคคลที่กำลังประสบปัญหานี้
ไม่ใช่แค่ต้องการจะเป็นภาระให้แก่คนอื่น
แต่บางครั้งยังมีความคิดที่ว่า ถ้าหากเล่าไป ก็คงจะไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่
ซึ่งจะยิ่งส่งเสริมให้เกิดการปลีกตัว และเก็บความทุกข์เหล่านี้เอาไว้
.
โดยจากการศึกษาพบว่า
บุคคลที่กำลังประสบกับสภาวะนี้
จะพยายามอดทน อดกลั้น กับสภาวะที่ตนเองเจอ
พยายามไม่แสดงออกว่าตนเองกำลังเครียด
หรือแม้แต่ ถ้าหากคนอื่นสังเกตได้ว่าตนเองกำลังเครียด
ก็จะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า หรือการเล่าถึงปัญหาที่ตนเองกำลังประสบอยู่
.
.
โดยบุคคลที่กำลังประสบกับสภาวะนี้อยู่นั้น
จะมีความเครียด และความทุกข์ที่ตนเองกำลังเผชิญอยู่แล้ว
ยังต้องเผชิญกับการที่ตนเองต้องพยายามอดทน
เพื่อที่ตนเองจะได้ไม่แสดงออกถึงความทุกข์ที่กำลังเผชิญอยู่
ไม่ให้มันแสดงออกมา หรือได้ระบายให้กับคนอื่น
เพื่อที่จะไม่ต้องการเป็นภาระให้กับคนรอบข้าง หรือคนอื่น
.
โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดสภาวะ Emotional Sharing Burden นั้น
คือการที่บุคคลมีความเห็นอกเห็นใจกับผู้อื่น มากกว่าในตนเอง
ไม่ต้องการที่จะเป็นภาระให้ผู้อื่น หรือมองว่าปัญหาของตนเอง
ก็ควรจะจัดการได้ด้วยตัวเอง ไม่ควรให้คนอื่นต้องมาลำบาก
รวมไปถึงมองว่า ตนเองต้องคอยจัดการตนเอง
ไม่ได้มีใครมาให้ความสำคัญ และเข้าใจความทุกข์ หรือปัญหาของตนเอง
จึงเลือกที่จะเก็บไว้ อดทนและจัดการด้วยตนเองดีกว่า
.
โดยแนวคิด และพฤติกรรมนี้ จะยิ่งทำให้เกิดความเครียดสะสมเพิ่มขึ้นไปอีก
อาจส่งผลให้เกิดสุขภาพทางจิต และสุขภาพทางกายแย่ลง
และยิ่งทำให้บุคคลเกิดความเครียด และอาจทำให้เกิดวงโคจร
ที่ตนเองก็ไม่ระบาย เล่าให้ใครฟัง หรือรวมถึงไม่ขอความช่วยเหลืออีกด้วย
.
.
โดยวิธีการบรรเทาสภาวะนี้
แน่นอนว่า สุดท้ายก็ต้องหาทางระบาย หรือขอความช่วยเหลือจากคนอื่น
แต่แน่นอนว่าจากสภาวะนี้ การมีแนวคิดที่จะแบ่งปันให้คนอื่นเป็นเรื่องที่ยาก
โดยมีการศึกษาว่า บางครั้งเรื่องราวที่ทุกข์ใจ แค่ได้เล่าให้ใครฟัง
ก็สามารถบรรเทาความเครียดที่เกิดขึ้นได้ ถึงแม้ว่าปัญหาจะไม่ได้ มีการจัดการก็ตาม
.
กล่าวได้ว่าการเล่าถึงปัญหา ความเครียดของคุณสามารถแบ่งเบาคุณได้เหมือนกัน
หรือถ้าหากไม่มั่นใจ ก็สามารถขอความช่วยเหลืออย่างถูกต้องได้จาก
นักจิตวิทยา นักจิตแพทย์ หรือนักบำบัด ได้เช่นกัน
.
.
คุณอาจจะมีความคิดที่ว่า คุณไม่ต้องการจะเป็นภาระให้คนอื่น หรือให้คนอื่นเครียด
แต่จริงๆ คนรอบข้างคุณอาจจะไม่ได้มองว่าคุณเป็นภาระก็ได้นะ
เขาอาจจะแค่ต้องการให้คุณเห็นว่า ในพื้นที่ตรงนี้
เขาพร้อมจะเปิดรับ และให้คุณได้พักผ่อน ได้เล่าเรื่องราวที่คุณกำลังเผชิญอยู่
ให้เขาได้รู้ว่า ตอนนี้คุณเป็นอย่างไรบ้าง เหนื่อยไหม ต้องการอะไรบ้าง
ให้โอกาสคนรัก เพื่อน ครอบครัว และคนรอบข้างได้ช่วยเหลือคุณ
ให้โอกาสกับคนเหล่านั้นได้โอบรับตัวคุณ เป็นกำลังใจให้คุณ
.
ตัวคุณเองก็อย่าลืมโอบรับตัวเอง ให้ได้รู้ว่า การเจอกับความทุกข์เป็นเรื่องปกติ
ให้ได้รู้ว่าที่ผ่านมามันเหนื่อย และหนักหนาขนาดไหน ลองให้ตัวเองได้พัก
และระบายมันออกมาบ้าง ให้ได้รู้ว่าในโลกนี้ก็มีพื้นที่ให้คุณได้พักผ่อน และผ่อนคลาย
ให้ตัวคุณและคนอื่นได้แสดงออกว่า “ไม่ต้องเก่งทุกวัน ก็ยังมีคนรักคุณ”
.
.
เก้าอี้ตัว W
วงศธรณ์ ทุมกิจจ์
#เก้าอี้นักจิต
.
References:
Comments